FBS ก้าวเข้าสู่ปีที่ 16

ปลดล็อกของรางวัลวันเกิด: ตั้งแต่แก็ดเจ็ตและรถในฝันไปจนถึงทริป VIPเรียนรู้เพิ่มเติม
เปิดบัญชี
เปิดบัญชีล็อกอิน
เปิดบัญชี

04 เม.ย. 2025

การจัดการความเสี่ยง

ตัวอย่างและคำจำกัดความของแผนการเทรดฟอเร็กซ์

(Main).jpg

การเทรดมีระดับความซับซ้อนหลายระดับ ระดับที่ง่ายที่สุดคือการซื้อและขายสินทรัพย์แบบสุ่ม ส่วนระดับที่สูงขึ้นมามีความครอบคลุมมากขึ้น เช่น การจัดการความเสี่ยงอย่างมีสติ การจับเวลา และการตั้งเป้าหมาย เมื่อรวมกันแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ทุกคนที่ต้องการประสบความสำเร็จ ในบทความนี้ เราจะอธิบายทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ที่ควรปฏิบัติเพื่อการเทรดที่ดี

แผนการเทรดคืออะไร?

แผนการเทรดคือชุดของกฎที่เทรดเดอร์ควรปฏิบัติตามเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงการกำหนดเวลา ความยอมรับความเสี่ยง ขนาดของคำสั่งซื้อขาย และจุดเข้า-ออก

แผนการเทรดมักจะระบุด้วยว่าเทรดเดอร์จะจัดการกับสถานะที่เปิดอยู่อย่างไรบ้าง สามารถเทรดหลักทรัพย์ใดได้บ้าง และกฎอื่น ๆ อีกมากมายที่อาจเป็นประโยชน์

บางคนอาจคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีแผนการเทรดก็สามารถทำผลงานได้ดี ในบางกรณีที่โชคดี คนเหล่านี้อาจทำกำไรได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม การไม่มีแผนการเทรดมักนำไปสู่การขาดทุนอย่างรุนแรง เพราะเทรดเดอร์จะควบคุมอารมณ์ได้ยากในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง หรือหลังจากการชนะหรือแพ้ติดต่อกันหลายครั้ง

image_1.jpg

ในความเป็นจริง ผู้เชี่ยวชาญด้านการเทรดจะแนะนำให้เทรดในบัญชีทดลองจนกว่าคุณจะสร้างแผนการเทรดของตัวเองได้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเทรดแบบไม่มีแผนได้อย่างเพียงพอ เพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญของมัน

ทำความเข้าใจแผนการเทรด

แผนการเทรดคือการรวมกฎการเทรดต่าง ๆ เข้าด้วยกันและสร้างเป็นขั้นตอนที่คุณจะปฏิบัติตาม ดังนั้นเป้าหมายหลักของแผนนี้คือช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายส่วนตัวในการเทรด สมมติว่าเป้าหมายอันดับ 1 ของคุณคือการป้องกันการขาดทุนรุนแรง ดังนั้นแผนการเทรดของคุณก็ควรมีส่วนที่กำหนดให้หยุดเทรดและพักหลังจากเกิดการขาดทุนอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง คุณอาจเปลี่ยนกลยุทธ์การเทรดของคุณในกรณีที่มีการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเทรดเช่นกัน

แผนการเทรดอาจมีความยาวและมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย อย่างไรก็ตาม แผนการเทรดแบบง่าย ๆ ก็ไม่ได้แย่เสมอไป หากคุณลงทุนระยะยาว คุณสามารถกำหนดจำนวนเงินที่พร้อมจะลงทุนในแต่ละเดือน ความคาดหวังเกี่ยวกับผลตอบแทน และการกระทำของคุณในกรณีที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง แผนนี้จะทำงานได้ดี โดยเฉพาะในตลาดหุ้นโลกซึ่งมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว อย่างไรก็ตาม แผนการเทรดนี้ก็ไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน ซึ่งหมายความว่าคุณอาจต้องถือสินทรัพย์ไว้เป็นปีหรือแม้กระทั่งหลายทศวรรษก่อนที่จะได้เห็นกำไร

สำหรับเทรดเดอร์แบบสวิงและเดย์เทรด พวกเขามักมีแผนการเทรดที่ยาวและครอบคลุมรายละเอียดต่าง ๆ ในกิจวัตรการเทรด ด้วยแผนการเทรด เทรดเดอร์จะสามารถกำหนดได้ง่าย ๆ ว่าคำสั่งซื้อขายนั้นคุ้มค่าหรือไม่ ดำเนินการตามขั้นตอน และควบคุมผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าคำสั่งซื้อขายจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้าม แต่ด้วยแผนการเทรด คุณก็สามารถลดความเสี่ยงลงได้อย่างมาก

ตัวอย่างของแผนการเทรด

รูปด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างของแผนการเทรดตามแนวโน้ม โปรดสังเกตว่าแผนนี้ไม่มีส่วนสำคัญหลายส่วน เช่น เวลา การจัดการความเสี่ยง จุดออก กรอบเวลา และประเภทของสินทรัพย์ แต่ถึงกระนั้น ตัวอย่างนี้ก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

image_2.jpg

แผนการเทรดของคุณควรถูกจัดระเบียบเหมือนร้านค้าแบบครบวงจร ที่มีทุกสิ่งที่คุณต้องการอยู่ในที่เดียว เราขอแนะนำให้รวมรายละเอียดต่าง ๆ ไว้ในแผนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะผลลัพธ์ของคุณจะขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ หากคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคง แผนการเทรดของคุณก็ควรมีคำแนะนำให้คุณปฏิบัติตามได้เสมอ

ต่อไปนี้คือรายการต่าง ๆ ที่แผนการเทรดที่เตรียมมาอย่างดีและครอบคลุมควรมี:

  • กิจวัตรก่อนเปิดตลาด ก่อนเริ่มเทรด คุณทำอะไรบ้าง? อาจจะลองอ่านข่าวล่าสุดทั้งหมดและตัดสินใจว่าจะเลือกเทรดสินทรัพย์ใดบ้างในวันนี้? หรือคุณจะดูสินทรัพย์ทุกตัวที่เทรดแล้วขีดเส้นแนวรับ-แนวต้าน? ไม่ว่ากรณีใด กิจวัตรก่อนเปิดตลาดก็จะช่วยให้คุณมีสมาธิกับการเทรดและตัดสิ่งรบกวนทั้งหมดออกไป พัฒนากิจวัตรที่คุณทำตามเป็นประจำ เพื่อสร้างวินัยและความสม่ำเสมอ และกำหนดไว้ในแผนการเทรดของคุณ จากนั้นก็ปฏิบัติตามกิจวัตรนี้ทุกวัน

  • กรอบเวลา การเทรดในกรอบเวลาที่ใหญ่กว่านั้นแตกต่างจากการเทรดแบบ scalping ระยะสั้นหรือการเทรดรายวัน บางกลยุทธ์การเทรด เช่น "gap-and-go" มักจะได้ผลดีกว่าในกรอบเวลาเล็ก ๆ เช่น M5-M15 ในขณะที่กลยุทธ์อื่น ๆ เช่น การเทรดตามแนวโน้ม มักจะได้ผลดีกว่าในกรอบเวลา H4-MN (หนึ่งเดือน) นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสูญเสียเงินหากพยายามจับแนวโน้มในกรอบเวลา M5 แต่มันยากกว่ามาก โดยเฉพาะในตลาดฟอเร็กซ์ที่มักเห็นการเคลื่อนไหวเป็นแบบออกข้างบ่อยที่สุด โปรดสังเกตว่าเทรดเดอร์บางคนจะใช้ทุกกรอบเวลาและไม่เห็นความแตกต่างระหว่างการเทรดในกรอบเวลา M5 และ H4 ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้น คุณสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปยังขั้นตอนต่อไปได้เลย

  • การบริหารความเสี่ยง นี่เป็นส่วนที่สำคัญ การจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสมจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณสูญเสียเงินทั้งหมดในวันแย่ ๆ และยกระดับกลยุทธ์การเทรดของคุณไปอีกขั้น

    • เพื่อปรับปรุงการจัดการความเสี่ยง คุณต้องกำหนดการขาดทุนสะสมรายวัน ซึ่งคือจำนวนเงินที่คุณยอมสูญเสียได้ในหนึ่งวันที่คุณจะหยุดเทรดและเริ่มวิเคราะห์ข้อผิดพลาด โดยทั่วไปแล้ว เทรดเดอร์มักตั้งการขาดทุนสะสมรายวันไว้ที่ 5-10% ของเงินทุน หลังจากสูญเสียถึงขีดจำกัดนี้แล้ว พวกเขาจะหยุดเปิดคำสั่งซื้อขายในวันนั้น

    • นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรกำหนดด้วยว่าจะยอมเสียเงินได้มากแค่ไหนในหนึ่งคำสั่งซื้อขาย สำหรับผมแล้วคือ 3% ของเงินทุนต่อหนึ่งคำสั่งซื้อขาย แต่เทรดเดอร์ที่ระมัดระวังมากอาจยึดหลัก 1% ต่อคำสั่งซื้อขาย ซึ่งหมายความว่าคุณต้องเทรดเสียต่อเนื่อง 100 ครั้งถึงจะเสียเงินทั้งหมด ซึ่งคุณคงไม่มีทางเสียติดกัน 100 ครั้งหรอกหากกลยุทธ์การเทรดของคุณนั้นทำกำไรได้

    • สุดท้าย คุณควรมีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนคือการวัดความสัมพันธ์ระหว่างกำไรที่คาดหวังกับความเสี่ยงในแต่ละคำสั่งซือขาย ผมแนะนำให้ใช้อัตราส่วนอย่างน้อย 1:1.5 ด้วยวิธีนี้ ถ้าคุณเสี่ยงด้วยเงินในจำนวน X กำไรของคุณในแต่ละคำสั่งซื้อขายก็ควรได้ 1.5X อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ที่ไม่ได้ตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit ล่วงหน้าอาจข้ามส่วนนี้ไปได้เลย หากกลยุทธ์การเทรดของพวกเขาอนุญาตให้ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้

  • กำหนดว่าคุณจะเทรดตามแนวโน้มหรือเทรดในกรอบ ทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างมาก เทรดเดอร์ที่เทรดตามแนวโน้มอาจถือสถานะเปิดไว้นานกว่าเพราะแนวโน้มมักจะมีความต่อเนื่อง ดังนั้นเทรดเดอร์เหล่านี้อาจได้กำไรมากกว่าด้วยความเสี่ยงที่น้อยกว่า ในทางกลับกัน เทรดเดอร์ที่เทรดในกรอบจะได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวแบบออกข้างและช่วงที่มีการสะสมราคา

  • ประเภทตลาด ตลาดหุ้นเปิดทำการเฉพาะช่วงเวลาที่กำหนด และคุณต้องอยู่หน้าแพลตฟอร์มการซื้อขายให้ตรงเวลาในทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ส่วนตลาดสกุลเงินดิจิทัลนั้นเทรดได้ตลอด 24/7 แต่คุณไม่ควรปล่อยคำสั่งซื้อขายเอาไว้โดยไม่ตั้ง Stop-loss เนื่องจากมันมีความผันผวนสูง ส่วนตลาดฟอเร็กซ์จะเปิดทำการตลอด 24/5 (ปิดวันหยุดสุดสัปดาห์) แถมยังมีความผันผวนต่ำกว่า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดเหล่านี้ด้วย ควรเลือกเทรดในสิ่งที่คุณชอบที่สุดจะดีกว่า เพราะการเทรดสินทรัพย์ที่คุณสนใจจะทำให้เทรดได้ง่ายขึ้นมาก

  • คุณต้องมองหารูปแบบการเคลื่อนไหวเดิม ๆ ในตลาดและเข้าทำการซื้อขายเฉพาะเมื่อมันตรงตามแผนการเทรดของคุณเท่านั้น โดยมีหลายวิธีในการเลือกจุดเข้าเทรด:

    • การพักตัว (Pullback) เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการซื้อในกรณีที่ตลาดเป็นขาขึ้น

    • การทะลุจริงเหมาะกับผู้ที่ต้องการการยืนยันการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนกว่า แต่ต้องระวังการทะลุหลอกด้วย

    • หากคุณใช้สัญญาณจากตัวบ่งชี้ทางเทคนิค เช่น MACD คุณสามารถเข้าเทรดเมื่อเส้นของตัวบ่งชี้ตัดกัน

    • คุณสามารถสร้างสัญญาณเข้าของคุณเองได้ ตัวอย่างเช่น การเกิด divergence บน RSI, การทดสอบระดับ Fibonacci retracement หรือรูปแบบแท่งเทียน แต่การมีหลายปัจจัยประกอบกันย่อมดีกว่า ไม่ควรพึ่งพารูปแบบเดียวหรือตัวบ่งชี้เดียว

  • Stop-loss เทรดเดอร์ทุกคนต้องมีแผนสำรองหากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามคาด คุณสามารถตั้ง Stop Loss ก่อนเข้าเทรดและไม่ต้องคอยดูกราฟระหว่างที่คำสั่งซื้อขายยังเปิดอยู่ หรือจะคอยเฝ้าดูคำสั่งซื้อขายของคุณแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะปิดดีไหม แต่วิธีหลังนี้มีความเสี่ยงสูงกว่าเนื่องจากมันอาจทำให้คุณตัดสินใจแบบใช้อารมณ์และขาดทุนในคำสั่งซื้อขายที่อาจทำกำไรได้

  • Take-profit หากคุณกำหนดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเอาไว้ ระดับ take-profit ก็ควรอยู่ไกลกว่า stop-loss หรือคุณอาจปิดส่วนหนึ่งของสถานะเมื่อถึงเป้าหมายแรก แล้วค่อยปรับ stop-loss ไปที่จุดคุ้มทุน วิธีนี้จะทำให้คำสั่งซื้อขายของคุณปราศจากความเสี่ยง และคุณสามารถถือสถานะได้นานขึ้นเพื่อเพิ่มผลกำไรให้มากขึ้น

รูปด้านล่างนี้จะช่วยคุณในการสร้างแผนการเทรดของคุณ

image_3.jpg

แผนการเทรดเชิงกลยุทธ์หรือเชิงรุก

นักลงทุนหลายคนใช้การลงทุนแบบอัตโนมัติ (automated investing) เพื่อลงเงินจำนวนหนึ่งทุกเดือนในกองทุนรวมหรือสินทรัพย์อื่น ๆ แผนการเทรดแบบนี้เรียกว่า "อัตโนมัติ" แม้ว่ากระบวนการจะทำงานเอง แต่ก็ยังต้องเขียนออกมาเป็นแผนให้ชัดเจน

หากแผนการเทรดกำหนดเงื่อนไขที่คุณจะมองหาจุดเข้า แผนดังกล่าวจะเรียกว่าแผนการเทรดเชิงกลยุทธ์หรือเชิงรุก ซึ่งต่างจากการลงทุนแบบอัตโนมัติ ที่นักลงทุนจะซื้อหลักทรัพย์ในระยะเวลาที่กำหนดไว้แน่นอน ส่วนเทรดเดอร์ที่เทรดเชิงกลยุทธ์มักจะมองหาจุดเข้าและออกที่ระดับราคาเฉพาะหรือเมื่อเงื่อนไขบางอย่างเป็นจริง ดังนั้น แผนการเทรดเชิงรุกจึงมีความละเอียดมากกว่า

เทรดเดอร์ที่เทรดเชิงกลยุทธ์จะต้องมีชุดตัวกระตุ้นเพื่อเปิดคำสั่งซื้อขาย บางส่วนแต่ไม่ใช่ทั้งหมดเป็นสัญญาณจากตัวบ่งชี้ทางเทคนิค ความเอนเอียงทางสถิติ หรือข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่ และในบท "ตัวอย่างแผนการเทรด" ก็จะเน้นไปที่แผนเชิงกลยุทธ์ซึ่งเหมาะกับเทรดเดอร์มากกว่า

การปรับเปลี่ยนแผนการเทรด

แผนการเทรดที่ดีนั้นจะใช้ได้นานโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ โดยปกติแล้วมันควรครอบคลุมทุกสถานการณ์ที่คุณอาจเผชิญขณะที่ทำงานกับตลาด ดังนั้น คุณจึงไม่ควรเปลี่ยนแผนการเทรดเพียงเพราะเจอช่วงขาดทุนหรือวันเทรดที่แย่ เนื่องจากแผนการเทรดที่ดีจะมีข้อมูลไว้แล้วว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ในฐานะเทรดเดอร์ เราต้องพัฒนาตัวเองและมุ่งมั่นเสริมสร้างทักษะและความรู้อยู่เสมอ หากคุณเติบโตเกินกว่าแผนการเทรดเดิมแล้ว การปรับปรุงแผนเดิมหรือสร้างแผนใหม่ที่สะท้อนมุมมองต่อตลาดในปัจจุบันถือเป็นเรื่องที่สมควรทำ เพียงแต่ต้องระวังว่า คุณควรหยุดเทรดชั่วคราวจนกว่าแผนใหม่จะพร้อมใช้งาน

ข้อจำกัดในการเทรด

กฎหลักของแผนการเทรดคือต้องปฏิบัติตามแผนที่ตั้งไว้ คุณต้องระบุทุกขั้นตอนอย่างชัดเจนเพื่อให้เกิดความมั่นคงในการทำกำไร ยิ่งไปกว่านั้น หากแผนการเทรดของคุณอิงตามตัวบ่งชี้ทางเทคนิค คุณสามารถพัฒนามันให้กลายเป็นกลยุทธ์การเทรดแบบอัลกอริทึมได้ด้วย

ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสร้างโรบอตที่ทำตามแผนของคุณได้ทุกขั้นตอน เปิดและปิดคำสั่งซื้อขาย และแม้กระทั่งหยุดการเทรดเมื่อเสียอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการจัดการความเสี่ยงในแผนการเทรด ควรรวมถึงขั้นตอนที่คุณจะทำเมื่อเกิดการขาดทุนครั้งใหญ่ หลังจากเทรดขาดทุนอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณควรทำคือหยุดเทรดชั่วคราวและพักจากตลาด จากนั้นให้ใช้เวลาวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็น หากคุณทำผิดพลาดซึ่งนำไปสู่การขาดทุน ให้จดบันทึกข้อผิดพลาดเหล่านั้นในสมุดบันทึกการเทรด และพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่หากคุณไม่ได้ทำอะไรผิด และตลาดเคลื่อนไหวในแบบที่คาดการณ์ไม่ได้ คุณก็แค่ไปพักจิบชาหรือกาแฟสักแก้ว แล้วผ่อนคลายให้สบายใจ

ความแตกต่างระหว่างแผนการเทรดและระบบเทรด

ระบบเทรดคือชุดกฎที่กำหนดสัญญาณซื้อ-ขายโดยปราศจากอารมณ์หรือความเห็นส่วนตัว พูดง่าย ๆ ก็คือระบบเทรดจะบอกคุณอย่างชัดเจนว่าจะเปิดคำสั่งซื้อขายอย่างไร คุณจะแบ่งคำสั่งซื้อขายของคุณอย่างไร และคุณจะแบ่งมันหรือไม่? คุณจะซื้อตอนนี้หรือรออีกหน่อย? ระบบเทรดมีคำตอบให้คุณ

ดังนั้น แผนการเทรดจึงเป็นมากกว่าระบบที่บอกคุณว่าเมื่อไหร่ที่คุณควรเปิดและปิดสถานะ มันเป็นหนังสือสูตรสำหรับทุกความต้องการในการเทรดและสถานการณ์ที่คุณอาจพบบนเส้นการเทรดของคุณ

สรุป

แผนการเทรดจะกำหนดมากกว่าจุดเข้าและออก มันเป็นชุดกฎที่ครอบคลุมที่ให้คำตอบสำหรับทุกส่วนของกิจวัตรการเทรดของคุณ ไม่มีเทรดเดอร์คนใดที่จะประสบความสำเร็จได้หากปราศจากแผนการเทรดที่เหมาะสม และจะเป็นการดีที่สุดหากคุณสร้างแผนของคุณเองโดยใช้บทความนี้

คำถามที่พบบ่อย

เหตุใดแผนการเทรดจึงมีความสำคัญ

แผนการเทรดจะให้คำตอบเรื่องการกระทำของคุณในสถานการณ์ต่าง ๆ หากปราศจากมัน โอกาสในการชนะในตลาดการเงินของคุณก็ต่ำมาก ๆ

แผนการเทรดควรประกอบด้วยอะไรบ้าง?

แผนการเทรดควรรวมถึงกิจวัตรก่อนเข้าตลาด กรอบเวลา การบริหารความเสี่ยง เงื่อนไขการซื้อขาย ประเภทตลาด จุดเข้า ระดับ stop-loss และ take-profit

แผนการเทรดคืออะไรในตลาดฟอเร็กซ์?

แผนการเทรดคือชุดของกฎที่เทรดเดอร์ควรปฏิบัติตามเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งมันจะรวมถึงจังหวะเวลา ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ขนาดของคำสั่งซื้อขาย และจุดเข้า/ออก นอกจากนี้ แผนการเทรดมักจะระบุว่าเทรดเดอร์ควรจัดการสถานะอย่างไร หลักทรัพย์ใดที่พวกเขาสามารถเทรดได้ และกฎอื่น ๆ อีกมากมาย

กฏเหล็กของการเทรดมีอะไรบ้าง?

คุณสามารถทำเงินได้เยอะมากหากคุณมีความสม่ำเสมอ เรียนรู้จากความผิดพลาด และปฏิบัติตามการบริหารความเสี่ยง หากคุณไม่ลืมเรืองการบริหารความเสี่ยง คุณก็จะได้รับผลตอบแทน

แบ่งปันกับเพื่อน ๆ:

เปิดบัญชี FBS

โดยการลงทะเบียน คุณได้ยอมรับเงื่อนไขของ ข้อตกลงลูกค้า FBS และ นโยบายความเป็นส่วนตัว FBS และยอมรับความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการซื้อขายในตลาดการเงินระดับโลก

FBS ณ สื่อสังคมออนไลน์

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon

ติดต่อเรา

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
App Store
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
Google Play

การซื้อขาย

บริษัท

เกี่ยวกับ FBS

เอกสารทางกฎหมาย

ข่าวเกี่ยวกับบริษัท

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

ศูนย์ช่วยเหลือ

โปรแกรมพันธมิตร

เว็บไซต์นี้ดำเนินการโดย FBS Markets Inc. หมายเลขจดทะเบียน 000001317 ซึ่ง FBS Markets Inc. ได้รับการจดทะเบียนโดย Financial Services Commission ภายใต้พระราชบัญญัติอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ฯ 2021 (Securities Industry Act 2021) ใบอนุญาตเลขที่ 000102/31 ที่อยู่สำนักงาน: 9725, Fabers Road Extension, Unit 1, Belize City, Belize

โดย FBS Markets Inc. ไม่ได้ให้บริการทางการเงินแก่ผู้อยู่อาศัยในเขตอำนาจศาลบางแห่ง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน, เมียนมาร์

ธุรกรรมการชำระเงินได้รับการจัดการโดย HDC Technologies Ltd.; Registration No. HE 370778; Legal address: Arch. Makariou III & Vyronos, P. Lordos Center, Block B, Office 203, Limassol, Cyprus ที่อยู่เพิ่มเติม: Office 267, Irene Court, Corner Rigenas and 28th October street, Agia Triada, 3035, Limassol, Cyprus

เบอร์ติดต่อ: +357 22 010970 เบอร์ติดต่อเพิ่มเติม: +501 611 0594

สำหรับความร่วมมือ กรุณาติดต่อเราผ่าน [email protected]

คำเตือนเรื่องความเสี่ยง: ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขาย คุณควรเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตลาดสกุลเงินและการซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้นอย่างถ่องแท้ และคุณควรตระหนักถึงระดับประสบการณ์ของตนเอง

การคัดลอก การทำสำเนา การเผยแพร่ รวมถึงแหล่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของเนื้อหาใดๆ จากเว็บไซต์นี้สามารถดำเนินการได้เฉพาะเมื่อได้รับการอนุญาตที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น

ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การชี้แนะ หรือการชักชวนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ทั้งสิ้น