FBS ก้าวเข้าสู่ปีที่ 16

ปลดล็อกของรางวัลวันเกิด: ตั้งแต่แก็ดเจ็ตและรถในฝันไปจนถึงทริป VIPเรียนรู้เพิ่มเติม
เปิดบัญชี
เปิดบัญชีล็อกอิน
เปิดบัญชี

11 ก.พ. 2025

พื้นฐาน

การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการเทรดคืออะไร?

MDP-7007_1_cover_1200x675_TH.png

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นกุญแจสำคัญในการเทรดสมัยใหม่ที่ทำให้เทรดเดอร์มีเครื่องมือที่สำคัญในการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดตามพฤติกรรมของตลาด โดยพื้นฐานแล้ว มันเป็นการศึกษาข้อมูลตลาดในอดีตซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นราคาและปริมาณ โดยมีเป้าหมายในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต มันมีพื้นฐานอยู่บนหลักการที่ว่ารูปแบบในอดีตของราคาและแนวโน้มของตลาดโดยรวมอาจบ่งบอกถึงกิจกรรมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สิ่งนี้ทำให้มันเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกประเภทสินทรัพย์

พื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิค

การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมีพื้นฐานอยู่บนสามสิ่ง

  • โดยสันนิษฐานว่าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ตั้งแต่เหตุการณ์เศรษฐกิจมหภาคไปจนถึงข่าวของบริษัทจะถูกสะท้อนให้เห็นในราคาของมัน แนวคิดนี้เรียกว่าสมมติฐานตลาดที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งระบุว่าราคาเป็นตัวบ่งชี้นำของการรับรู้ตลาด

  • นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเชื่อว่าราคามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในแนวโน้ม — ขึ้น ลง หรือด้านข้าง — และจนกว่าจะมีสัญญาณที่ชัดเจนในทางตรงกันข้าม แนวโน้มเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปมากกว่าย้อนกลับ

  • พฤติกรรมของมนุษย์นั้นซ้ำซาก ซึ่งก่อให้เกิดรูปแบบที่จะทำซ้ำหลายครั้งเนื่องจากจิตวิทยาส่วนรวม รูปแบบเหล่านี้สามารถระบุได้โดยใช้กราฟและตัวบ่งชี้

การวิเคราะห์ทางเทคนิคได้รับแรงหนุนจากแนวคิดของอุปสงค์และอุปทานซึ่งการเปลี่ยนแปลงราคาจะสะท้อนให้เห็นถึงความสมดุลที่เปลี่ยนแปลงไประหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เมื่ออุปสงค์สูงกว่าอุปทาน ราคาจะเพิ่มขึ้น และเมื่ออุปทานสูงกว่าอุปสงค์ ราคาก็จะลดลง การทำความเข้าใจพลวัตเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการ ทำความเข้าใจพฤติกรรมของตลาด และทำการตัดสินใจซื้อขายอย่างชาญฉลาด โดยการศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาและปริมาณการซื้อขาย นักวิเคราะห์ทางเทคนิคพยายามระบุความไม่สมดุลเหล่านี้และคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต

องค์ประกอบที่สำคัญ

กราฟเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของการวิเคราะห์การซื้อขายในเชิงเทคนิค กราฟจะแสดงความผันผวนของราคาเทียบกับเวลา ซึ่งทำให้เครื่องมือนี้สามารถถูกนำมาใช้เพื่อการระบุรูปแบบและ แนวโน้มได้ ในบรรดากราฟประเภทหลัก ๆ เทรดเดอร์จะใช้กราฟเส้น กราฟแท่ง และกราฟแท่งเทียน เพื่อดูพฤติกรรมของตลาด จากกราฟทั้งสามประเภทนี้ กราฟแท่งเทียนเป็นที่ต้องการมากที่สุดเนื่องจากมันให้ข้อมูลที่ละเอียดที่สุดเกี่ยวกับราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุดของสินทรัพย์ในช่วงเวลาใด ๆ ตัวบ่งชี้และออสซิลเลเตอร์เป็นพื้นฐานทางเทคนิคของการวิเคราะห์การซื้อขาย

MDP-7007_2_1200x675_EN.png

ตัวอย่างเช่น Moving Averages จะช่วยปรับสัญญาณรบกวนในชุดราคาให้เรียบขึ้นเพื่อเน้นให้เห็นถึงแนวโน้มที่เกิดขึ้น ในขณะที่ Relative Strength Index และ Moving Average Convergence Divergence จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโมเมนตัมและการกลับตัวที่เป็นไปได้ นอกจากนี้ Bollinger bands, Fibonacci retracements และ Ichimoku clouds ก็ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ได้รับการศึกษาเพื่อให้เข้าใจพลวัตของราคาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้รวมกันจะให้มุมมองที่กว้างขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นและมั่นใจมากขึ้นในสภาวะที่ไม่พึงประสงค์

องค์ประกอบสำคัญอีกประการหนึ่งคือการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย ปริมาณการซื้อขาย (Volume) คือจำนวนหุ้นหรือสัญญาทั้งหมดที่ซื้อขายในช่วงระยะเวลาหนึ่งและโดยปกติจะถูกมองว่าเป็นตัวบ่งชี้นำของการเปลี่ยนแปลงราคา ตัวอย่างเช่น การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายอาจเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่หรือความเร่งในแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่ ในทางกลับกัน ปริมาณดารซื้อขายที่กำลังลดลงภายในแนวโน้มขาขึ้นอาจเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าโมเมนตัมกำลังอ่อนแรงลงและแนวโน้มกำลังจะเปลี่ยนไป ด้วยการรวมปริมาณการซื้อขายเข้ากับรูปแบบราคา เทรดเดอร์จะสามารถยืนยันการทะลุที่กำลังเกิดขึ้นและประเมินความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวของตลาดได้ก่อน

แนวรับและแนวต้านเป็นระดับของอุปสรรคทางจิตวิทยาในตลาด

แนวรับคือระดับของราคาที่ดอกเบี้ยซื้อแข็งแกร่งพอที่จะป้องกันการลดลงอีก ในขณะที่แนวต้านเป็นระดับที่แรงกดดันจากการขายแข็งแกร่งพอที่จะหยุดแนวโน้มขาขึ้น

บ่อยครั้งที่ระดับเหล่านี้เป็นโซนการตัดสินใจที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความรู้สึกของเทรดเดอร์ และทำให้เกิดการผ่อนปรนในการกำหนดกลยุทธ์การเข้าและออก เส้น Moving averages และรูปแบบอื่น ๆ ของระดับแนวรับและแนวต้านแบบไดนามิกยังช่วยเพิ่มความสามารถของเทรดเดอร์ในการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้

บทบาทของรูปแบบ

รูปแบบเป็นหัวใจของการวิเคราะห์ทางเทคนิค และเป็นตัวแทนของการต่อสู้และการแย่งชิงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ในรูปแบบทั้งหมด จะมีสองประเภทหลักที่มาก่อน: รูปแบบความต่อเนื่องและรูปแบบการกลับตัว รูปแบบความต่อเนื่อง ได้แก่ รูปแบบ flags, triangles หรือ pennants และสิ่งนี้บ่งชี้ว่าแนวโน้มควรดำเนินต่อไปในทิศทางที่ราคากำลังเคลื่อนไหว ส่วนรูปแบบการกลับตัวอาจระบุการเปลี่ยนแปลงในทิศทางแนวโน้ม ได้แก่ รูปแบบ head and shoulders และ double tops

MDP-7007_3_1200x675_TH.png

รูปแบบเหล่านี้เป็นมากกว่ารูปร่างมัน เนื่องจากมันแสดงให้เห็นถึงอารมณ์และคุณลักษณะทางจิตวิทยาของพฤติกรรมของเทรดเดอร์ ในขณะที่รูปแบบ head and shoulder มักจะปรากฏขึ้นเมื่อโมเมนตัมขาขึ้นอ่อนแรงลงและมีการกลับตัวเป็นขาลง รูปแบบ bullish flags จะแสดงความสนใจอย่างมากในการเข้าซื้อหลังจากมีการ short ในช่วงสั้น ๆ แม้ว่าจะต้องใช้การฝึกฝนและความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดในการระบุ และใช้รูปแบบเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่มันก็อาจช่วยให้เทรดเดอร์สามารถกำหนดเวลาคำสั่งซื้อขายได้อย่างแม่นยำ

รูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น harmonics — Gartley, Bat หรือ Butterfly — ก็มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นอีกชั้น พวกเขาจะพึ่งพาอัตราส่วนฟีโบนัชชีในการกำหนดระดับของแนวรับและแนวต้านด้วยความแม่นยำที่ไม่ธรรมดา การตั้งค่าต่าง ๆ สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีประสิทธิภาพกับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ที่ต้องการความได้เปรียบ

รู้พื้นฐานการเทรดแล้วใช่ไหม? คุณกำลังรออะไรอยู่ล่ะ?

ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคทำงานอย่างไร

ตัวบ่งชี้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือที่เทรดเดอร์ใช้เพื่อระบุแนวโน้ม โมเมนตัม และการกลับตัวของแนวโน้มที่น่าจะเกิดขึ้น

จุดเริ่มต้นที่พบบ่อยที่สุดคือ moving averages ที่ช่วยปรับสมดุลข้อมูลราคาในแต่ละช่วงเวลา simple moving averages (SMA) และ exponential moving averages (EMA) จะแสดงแนวโน้มได้ชัดเจนมากขึ้น

ตัวบ่งชี้ Momentum จะสะท้อนความเร็วของการเปลี่ยนแปลงราคา ตัวอย่างเช่น สมมติว่า RSI อยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 โดยที่ค่า RSI ที่เกิน 70 จะระบุว่าตลาดนั้นมีการซื้อมากเกินไป แม้ว่าตลาดจะถูกกล่าวว่ามีการขายมากเกินไป แต่คุณสามารถบอกได้ว่าในความเป็นจริงแล้วตลาดกำลังตกต่ำ หากสังเกตพบว่ามีค่าต่ำกว่า 30 นั่นหมายความว่าการพุ่งขึ้นแทบจะเป็นไปไม่ได้

MACD ย่อมาจาก moving average convergence divergence: โดยพื้นฐานแล้วเป็นการผสมผสานระหว่างการติดตามแนวโน้มและการวิเคราะห์โมเมนตัม มันจะพล็อตเส้นสัญญาณโดยการเปรียบเทียบเส้นค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่สองเส้น ซึ่งจะให้เบาะแสเกี่ยวกับการกลับตัว เทรดเดอร์มักจะใช้การตัดกันระหว่างเส้น MACD และเส้นสัญญาณจะเป็นตัวบอกให้ลงมือ

MDP-7007_4_1200x675_EN.png

ผ่านการศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาตามปริมาณการซื้อขาย ตัวบ่งชี้ปริมาณ เช่น on-balance volume และ Chaikin money flow จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้ม ตัวอย่างเช่น OBV จะแสดงให้เห็นว่าปริมาณกำลังสนับสนุนหรือเบี่ยงเบนจากแนวโน้ม ดังนั้นจึงเป็นข้อมูลเชิงลึกหลักสำหรับการตัดสินใจ

การใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค

การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่ใช่วิธีเดียวที่เหมาะกับทุกคนแต่เป็นชุดเครื่องมือที่ยืดหยุ่นมากกว่าที่จะปรับให้เข้ากับสไตล์การเทรดของคุณ เทรดเดอร์รายวันจะมุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหว ระยะสั้นโดยใช้ตัวบ่งชี้โมเมนตัม ในขณะที่เทรดเดอร์แบบสวิงจะวิเคราะห์แนวโน้มระยะกลางด้วยกราฟรายวันหรือรายสัปดาห์ เทรดเดอร์แบบโพซิชั่นจะดูกรอบเวลาที่ยาวขึ้นเพื่อจับภาพวัฏจักรของตลาด

เทคโนโลยีทำให้เข้าถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้ง่ายมาก ซอฟต์แวร์การสร้างกราฟขั้นสูง ระบบการซื้อขาย และตัวบ่งชี้ที่กำหนดเองทั้งหมดอยู่ในแค่คลิกเดียว แอปมือถือ ให้การอัปเดตแบบเรียลไทม์ และ AI จะช่วยในการค้นหารูปแบบที่มองไม่เห็นเพื่อช่วยให้ทำการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ

อีกก้าวสำคัญของกลยุทธ์การซื้อขายคือการทดสอบย้อนหลัง การทดสอบย้อนหลังจะช่วยให้เทรดเดอร์ปรับแต่งวิธีของตนก่อนที่จะลงทุนด้วยเงินจริง แม้ว่าจะไม่มีกลยุทธ์ใดที่สามารถรับประกันความสำเร็จในอนาคตได้ แต่การทดสอบย้อนหลังจะช่วยระบุจุดแข็งและจุดอ่อน ซึ่งทำให้เทรดเดอร์มีโอกาสที่ดีกว่าในการควบคุมตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ

จิตวิทยาตลาด

การทำความเข้าใจจิตวิทยาตลาดเป็นส่วนสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ ราคาจะถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์มวลชนของผู้เข้าร่วมตลาดที่รู้สึกกลัว โลภ และมองโลกในแง่ดี เครื่องมือและแบบจำลองทางเทคนิคเป็นกรอบสำหรับการตีความอารมณ์เหล่านี้ ดังนั้นมันจึงช่วยให้เทรดเดอร์คาดการณ์ได้ว่าตลาดจะดำเนินไปอย่างไร

ตัวอย่างเช่น การพุ่งขึ้นเหนือระดับแนวต้าน มักกระตุ้นให้เกิดการซื้ออย่างกระตือรือร้นโดยการมองโลกในแง่ดีและความกลัวที่จะพลาดโอกาส เช่นเดียวกัน การหลุดต่ำกว่าแนวรับจะกระตุ้นการขายด้วยความตื่นตระหนกเมื่อความกลัวเข้ามาเยือน การทำความเข้าใจว่าแรงจูงใจทางจิตวิทยาเหล่านี้ทำงานอย่างไรเพื่อสร้างการเคลื่อนไหวของราคาเป็นส่วนผสมสำคัญในการสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่มีการพัฒนามากขึ้น

ตัวบ่งชี้ความเชื่อมั่นในตลาดอื่น ๆ เช่น อัตราส่วน PUT/CALL และดัชนีความผันผวน (VIX) จะขยายความสามารถของเทรดเดอร์ในการวัดจิตวิทยาโดยรวม ตัวอย่างเช่น อัตราส่วน put/call ที่สูงเป็นตัวบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นในตลาดขาลง ในขณะที่อัตราส่วนที่ต่ำสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในตลาดกระทิง เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยเสริมการวิเคราะห์ทางเทคนิคแบบดั้งเดิม และให้ภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับพลศาสตร์ของตลาด

วิวัฒนาการของการวิเคราะห์ทางเทคนิค

การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีการพัฒนาต่อเนื่องตามตลาดการเงิน การรวมการซื้อขายด้วยอัลกอริทึมและการเรียนรู้ของเครื่องจักรได้เพิ่มมิติใหม่ทั้งหมดให้กับ วิธีการแบบดั้งเดิม โมเดลการเรียนรู้ของเครื่องจักรสามารถค้นหารูปแบบและความสัมพันธ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ในข้อมูลในอดีตที่มีปริมาณมาก ซึ่งอาจหลบเลี่ยงสายตาของมนุษย์ได้ นอกจากนี้ ระบบการซื้อขายด้วยอัลกอริทึมสามารถช่วยส่งคำสั่งซื้อขายได้ด้วยความเร็วและความแม่นยำสูงตามเกณฑ์ทางเทคนิคที่กำหนดไว้ ซึ่งจะช่วยทำให้การตัดสินใจในการเทรดไม่ถูกแทรกแซงโดยอารมณ์ของมนุษย์

การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังได้รับผลกระทบจากการปรากฏตัวของตลาดสกุลเงินดิจิทัล เป็นตลาดใหม่ที่มีความผันผวนสูงซึ่งบังคับให้เทรดเดอร์ต้องใช้เครื่องมือแบบดั้งเดิมตลอดจนคิดค้นวิธีการใหม่ ๆ ตัวบ่งชี้ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการซื้อขายปกติ เช่น RSI และ Bollinger Bands ก็ถูกนำมาใช้ในการเทดรสกุลเงินดิจิทัลเช่นกัน ในขณะที่วิธีการเชิงนวัตกรรมต่าง ๆ รวมถึงการวิเคราะห์แบบออนเชนจะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมที่เป็นไปได้ด้วยสินทรัพย์ที่ใช้บล็อกเชนเท่านั้น

การวิเคราะห์ความเชื่อมั่นยังมีประโยชน์ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอีกด้วย เทรดเดอร์อาจได้รับแนวคิดเกี่ยวกับความเชื่อมั่นทั่วไปของผู้เข้าร่วมตลาด โดยการวิเคราะห์แนวโน้มสื่อสังคมออนไลน์ ความเชื่อมั่นในข่าว และข้อมูลบล็อกเชน ดังนั้น มันจึงสามารถช่วยตัวเองปรับปรุงกลยุทธ์ทางเทคนิคของตนได้ต่อไป การผสมผสานของสาขาวิชาต่าง ๆ ดังกล่าวจะนำไปสู่ยุคใหม่ของการวิเคราะห์การซื้อขาย ที่ซึ่งประเพณีมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

ใช้ทักษะของคุณและเริ่มต้นบรรลุผลลัพธ์ที่โดดเด่น!

ข้อจำกัดและข้อควรพิจารณา

นอกจากจะได้ประโยชน์มากมายแล้ว การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังมีข้อจำกัดอยู่หลายประการ มีตัวแปรต่าง ๆ มากมายที่ขับเคลื่อนตลาดจนทำให้ไม่มีวิธีการใดที่สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างแม่นยำ สัญญาณเท็จและการเคลื่อนไหวที่เฉียบคม — ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการขาดทุน — เป็นการตอกย้ำว่าการจัดการความเสี่ยงนั้นมีความสำคัญเพียงใด ดังนั้น การวิเคราะห์ทางเทคนิคจึงต้องผสมผสานกับการบริหารจัดการเงินที่เหมาะสม — ซึ่งก็คือ การตั้งคำสั่ง Stop Loss และการคำนวณขนาดสถานะ — เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความสำเร็จในระยะยาว

ยิ่งไปกว่านั้น การวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นยังมีความลำเอียงอย่างมาก การตีความและกลยุทธ์นั้นแตกต่างกัน และเทรดเดอร์สองรายที่ดูกราฟเดียวกันก็อาจได้ข้อสรุปที่แตกต่างกัน ความเป็นอัตวิสัยเช่นนี้หมายความว่าคุณจะต้องมีทัศนคติที่มีระเบียบวินัยและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนในกระบวนการปฏิบัติและการศึกษาอย่างต่อเนื่อง การตรวจสอบประสิทธิภาพของกลยุทธ์ต่าง ๆ รวมถึงการใช้เครื่องมือทดสอบแบบย้อนหลังจะมีประสิทธิภาพอย่างมากสำหรับเทรดเดอร์ การใช้ข้อมูลในอดีตช่วยให้สามารถทดสอบได้ว่าแนวทางหนึ่ง ๆ จะมีประสิทธิภาพเพียงใด จากนั้นจึงปรับแต่งวิธีการให้เหมาะสม แน่นอนว่าอดีตอาจไม่สามารถบ่งชี้ผลลัพธ์ในอนาคตได้ เนื่องจากตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังต้องอาศัยการเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ตลาดไม่เคยหยุดนิ่งจริง ๆ มีเครื่องมือและวิธีการใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา การติดตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ถือเป็นเรื่องสำคัญหากต้องการที่จะแข่งขันในด้านการซื้อขาย วิธีการบางอย่างที่เทรดเดอร์ใช้ในการเจาะลึกความเข้าใจและปรับปรุงทักษะของตนเอง ได้แก่ หนังสือการซื้อขาย คอร์สเรียนออนไลน์ และโปรแกรมการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

แบ่งปันกับเพื่อน ๆ:

เปิดบัญชี FBS

โดยการลงทะเบียน คุณได้ยอมรับเงื่อนไขของ ข้อตกลงลูกค้า FBS และ นโยบายความเป็นส่วนตัว FBS และยอมรับความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการซื้อขายในตลาดการเงินระดับโลก

FBS ณ สื่อสังคมออนไลน์

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon

ติดต่อเรา

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
App Store
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
Google Play

การซื้อขาย

บริษัท

เกี่ยวกับ FBS

เอกสารทางกฎหมาย

ข่าวเกี่ยวกับบริษัท

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

ศูนย์ช่วยเหลือ

โปรแกรมพันธมิตร

เว็บไซต์นี้ดำเนินการโดย FBS Markets Inc. หมายเลขจดทะเบียน 000001317 ซึ่ง FBS Markets Inc. ได้รับการจดทะเบียนโดย Financial Services Commission ภายใต้พระราชบัญญัติอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ฯ 2021 (Securities Industry Act 2021) ใบอนุญาตเลขที่ 000102/31 ที่อยู่สำนักงาน: 9725, Fabers Road Extension, Unit 1, Belize City, Belize

โดย FBS Markets Inc. ไม่ได้ให้บริการทางการเงินแก่ผู้อยู่อาศัยในเขตอำนาจศาลบางแห่ง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน, เมียนมาร์

ธุรกรรมการชำระเงินได้รับการจัดการโดย HDC Technologies Ltd.; Registration No. HE 370778; Legal address: Arch. Makariou III & Vyronos, P. Lordos Center, Block B, Office 203, Limassol, Cyprus ที่อยู่เพิ่มเติม: Office 267, Irene Court, Corner Rigenas and 28th October street, Agia Triada, 3035, Limassol, Cyprus

เบอร์ติดต่อ: +357 22 010970 เบอร์ติดต่อเพิ่มเติม: +501 611 0594

สำหรับความร่วมมือ กรุณาติดต่อเราผ่าน [email protected]

คำเตือนเรื่องความเสี่ยง: ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขาย คุณควรเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตลาดสกุลเงินและการซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้นอย่างถ่องแท้ และคุณควรตระหนักถึงระดับประสบการณ์ของตนเอง

การคัดลอก การทำสำเนา การเผยแพร่ รวมถึงแหล่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของเนื้อหาใดๆ จากเว็บไซต์นี้สามารถดำเนินการได้เฉพาะเมื่อได้รับการอนุญาตที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น

ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การชี้แนะ หรือการชักชวนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ทั้งสิ้น