ภาพรวมตลาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความเสี่ยงหลายประการที่อาจส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องในระยะกลางถึงระยะยาว โดยหนึ่งในปัจจัยหลักคือแรงกดดันจากนโยบายภาษีนำเข้าที่ประกาศใช้โดยรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งได้สร้างความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาดการเงินทั่วโลก สถานการณ์ "ขายทั้งหุ้นและพันธบัตร" ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนถึงความไม่มั่นใจอย่างลึกซึ้งของนักลงทุนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต อีกทั้งความตึงเครียดทางการค้าเริ่มส่งผลกระทบที่ชัดเจนต่อภาคเศรษฐกิจจริง ไม่ว่าจะเป็นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มชะลอตัว หรือภาคการผลิตที่กำลังแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่พึ่งพาวัตถุดิบนำเข้า เช่น เหล็กและกระจก ซึ่งความเปลี่ยนแปลงด้านต้นทุนเหล่านี้กำลังบั่นทอนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนอย่างมีนัยสำคัญ
ในด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงส่งสัญญาณความระมัดระวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้จะเผชิญแรงกดดันจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอีกครั้งจากผลของภาษีนำเข้า ความขัดแย้งระหว่างพันธกิจของธนาคารกลางในการควบคุมเงินเฟ้อ กับความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพของตลาดแรงงาน เริ่มกลายเป็นประเด็นท้าทายที่เด่นชัดมากขึ้น นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและแรงกดดันทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลาง กำลังบั่นทอนความเชื่อมั่นของตลาดในเชิงโครงสร้าง นักลงทุนหลายรายเริ่มตั้งคำถามถึงเสถียรภาพในระยะยาวของระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวกลับเพิ่มขึ้น แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะแสดงสัญญาณชะลอตัว ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่สะท้อนภาวะความไม่สมดุลที่น่ากังวล
จากมุมมองในองค์กรระดับโลกทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และองค์การการค้าโลก (WTO) ต่างปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลง โดยระบุว่าสหรัฐฯ เองก็มีแนวโน้มชะลอตัวจากความเสี่ยงเชิงระบบ ทั้งด้านการค้าและการคลัง ขณะเดียวกัน ผลสำรวจล่าสุดจาก Pew Research แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันเริ่มมองว่ามาตรการภาษีนำเข้าจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งความกังวลในลักษณะนี้มีแนวโน้มจะสะท้อนผ่านพฤติกรรมการบริโภคและการลงทุนที่ลดลง ทั้งในระดับครัวเรือนและภาคธุรกิจ ภาพรวมของสถานการณ์จึงชี้ชัดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงฝั่งขาลงที่ไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะหากนโยบายการค้าในลักษณะแข็งกร้าวยังคงเดินหน้าต่อไป โดยไม่มีความชัดเจนหรือความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ดัชนี Nasdaq (US100) ยังคงแสดงสัญญาณอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง (H4) หลังจากที่ราคาหลุดต่ำกว่ากรอบราคาสีแดงอีกครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงแรงขายที่กลับเข้ามากดดันตลาดอย่างชัดเจน ภายหลังจากไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านด้านบนไปได้สำเร็จ การเคลื่อนไหวของราคาที่ยังคงอยู่ภายในกรอบแนวโน้มขาลง (downward channel) บ่งชี้ว่าแนวโน้มหลักในระยะสั้นยังคงอยู่ในเชิงลบ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอย่าง RSI ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 45 ยังทรงตัวต่ำกว่าระดับกึ่งกลาง (50) บ่งชี้ว่ากำลังซื้อยังไม่แข็งแรงเพียงพอ ขณะเดียวกัน ค่า MACD ก็เริ่มโค้งลงต่ำกว่าศูนย์ ซึ่งตอกย้ำว่าโมเมนตัมในฝั่งขายยังมีความได้เปรียบและอาจกดดันให้ราคาปรับตัวลงต่อในระยะถัดไป ดังนั้น นักลงทุนควรจับตาบริเวณแนวรับสำคัญที่ระดับ 16,236.54 จุด ซึ่งหากราคาลงไปทดสอบและไม่สามารถยืนอยู่เหนือระดับนี้ได้ ก็อาจนำไปสู่แรงขายระลอกใหม่ ขณะที่แนวต้านด้านบนยังคงอยู่ที่บริเวณ 20,859.45 จุด ซึ่งจะต้องมีแรงซื้อที่ชัดเจนมากพอจึงจะสามารถผลักดันราคาให้กลับขึ้นไปทดสอบได้อีกครั้ง
US100,H4

US500
ดัชนี S&P 500 (US500) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง (H4) ยังคงแสดงภาพรวมในเชิงลบอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ราคาปรับตัวลงต่ำกว่ากรอบราคาสีแดงอีกครั้ง และไม่สามารถยืนเหนือเส้นแนวโน้มขาลงได้อย่างมั่นคง ซึ่งโครงสร้างราคาที่ปรากฏสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของแรงซื้อที่ยังไม่แข็งแรงเพียงพอ อันอาจนำไปสู่แรงขายเพิ่มเติมในระยะถัดไป ด้านสัญญาณทางเทคนิค ค่า RSI ล่าสุดเคลื่อนไหวใกล้ระดับกลางที่ประมาณ 49 แม้จะยังไม่เข้าสู่โซนขายมากเกินไป แต่ก็ยังไม่สามารถส่งสัญญาณการฟื้นตัวได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน MACD เริ่มโค้งลงและเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นสัญญาณ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงลบอีกหนึ่งประการที่อาจบ่งบอกถึงการชะลอตัวและแรงกดดันที่กำลังจะตามมาในรอบใหม่ ดังนั้น หากราคายังคงไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง แนวรับสำคัญที่ควรเฝ้าระวังคือบริเวณ 4,688.30 จุด ซึ่งหากถูกทดสอบอีกครั้งและไม่สามารถรักษาระดับได้ อาจส่งผลให้เกิดแรงขายรอบใหม่ ขณะที่แนวต้านด้านบนยังอยู่ที่บริเวณ 5,965.79 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ต้องมีแรงซื้อเข้าหนุนอย่างชัดเจนจึงจะสามารถกลับไปทดสอบได้อีกครั้งในระยะสั้น
US500,H4
